รอดาวน์โหลดสักครู่

yengo

นาคปรก



นาคปรกนาคปรก
นาคปรก



ตัวอย่างหนัง 
นาคปรก



นาคปรก (สหมงคลฟิล์ม)

กำหนดฉาย : 18 มีนาคม พ.ศ.2553
แนว : แอ็คชั่น-ดราม่า
นำแสดง : สมชาย เข็มกลัด, เร แม็คโดแนลด์, ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์, อินทิรา เจริญปุระ, สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์, รัชนู บุญชูดวง
กำกับ : ภวัต พนังคศิริ
เรื่อง/บทภาพยนตร์ : ภวัต พนังคศิริ, ณัฐ นวลแพง, โกเศส ชฤทธิ์พร, พีระภัทร ชูตระกูล, โยธิน สวัสดิ์เรือง


          เราเชื่อว่า

          ศาสนาไม่เคยเสื่อม....แต่คนต่างหากที่เสื่อม

          เมื่อศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีและไม่มีความเลวใดที่จะทำลายได้

          หยั่งลึกถึงแก่นแท้ของความดีที่รอการเข้าถึง

          สุดขั้วของความชั่วที่แฝงเร้นในสังคม
          ยังไม่เคยมีหนังไทยเรื่องไหนที่ ฉีกทุกความกล้า...ท้าทุกความแรง เท่านี้มาก่อน ว่าแต่คุณ...กล้าไหมที่จะพิสูจน์ นาคปรก 18 มีนาคม ทุกโรงภาพยนตร์


เรื่องย่อ นาคปรก
          ภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้นว่าด้วยเรื่องราวของสามโจร สิงห์ (เร แม็คโดแนลด์), ป่าน(สมชาย  เข็มกลัด), ปอ (เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่ตามจับ เมื่อจนมุมตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด และเมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่า ที่ซ่อนเงินถูกโบสถ์ใหม่สร้างทับไปแล้ว   ทางเดียวที่จะทำให้ได้เงินคืนมาคือการปลอมเป็นพระภิกษุในวัดนั้น  สิงห์จึงทำการปล้นผ้าเหลืองด้วยการบังคับให้ หลวงตาชื่น (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) บวชให้ตนและป่าน เพื่อกลายสภาพเป็นพระธุดงค์ปลอมเข้ามาอยู่ในวัด มีเพียงปอเท่านั้นที่ยืนกรานที่จะไม่บวชเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งผิด จึงตัดสินใจเป็นแค่เด็กวัดเพื่อคอยติดตามพระปลอมทั้งสองเท่านั้น

          ถึงแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ป่านและปอ สองพี่น้องตัดสินใจลงมือทำเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปรักษาตาที่มืดบอดของแม่ (รัชนู บุญชูดวง)ส่วนสิงห์ทำลงไปด้วยความชั่วที่ฝั่งลึกอยู่ในสันดาน แต่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แฝงเร้นเข้ามาในวัดของทั้งสาม จะรอดพ้นไปจากสายตา แห่งความเคลือบแคลงสงสัยของเหล่าพระและเด็กในวัดไม่ ในขณะเดียวกันผ้าเหลืองที่สองโจรห่มอยู่คล้ายดั่งเครื่องห้ามความชั่วที่อยู่ในตัวของเหล่ามารศาสนาลงไปได้บ้าง ส่วนปอเองกลับค่อย ๆ เรียนรู้และซึมซับเอาหลักธรรมคำสอนแห่งความดีที่ได้จากหลวงตาขึ้นทีละน้อย 

          จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฏขึ้น กิเลส ความเลว และความโลภ ที่ครอบงำถึงส่วนลึกในจิตใจได้ ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง  "ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธาจะเกิดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้ายของคนได้หรือไม่""ศาสนาจะสามารถขัดเกลาให้คนเลวกลับกลายเป็นคนดีได้จริงหรือ" เตรียมพบกับบทสรุปของเหตุการณ์พลิกผันที่หลายคนไม่คาดคิด สู่แก่นแท้ของ "ความดี" และ "ความเลว" ที่สุดขั้วในใจคน

เกร็ดภาพยนตร์

          การเดินทางอันยาวนานของภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้นที่คนในวงการภาพยนตร์ไทยต่างเฝ้าจับตามองมากที่สุดและต่างเป็นกำลังใจอย่างขีดสุดว่าจะได้ "ฉายในประเทศไทย" หรือไม่ หลังจากเป็นข้อถกเถียง จนพูดได้ว่านี่คือหนังไทยเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวขานถึง และได้รับเกียรติเข้าฉายรอบปฐมทัศน์โลกที่ประเทศแคนาดาในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต้ครั้งที่ 33 เมื่อปี 51 โดยที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ฉายหรือไม่ในเมืองไทย หลังจากรอพรบ.ภาพยนตร์ประกาศใช้ ในที่สุด "นาคปรก" ก็ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาการจัดเรทภาพยนตร์ จากคณะกรรมการโดยลงความเห็นชอบให้ภาพยนตร์ผ่านการพิจารณาโดยที่ยังคงความสมบูรณ์ของเนื้อหาและภาพยนตร์อย่างครบถ้วนไม่ถูกตัดออกแม้แต่เฟรมเดียว กลับกันหลายคนที่ได้ชมต่างยกนิ้วและพูดเป็นเสียงเดียวกันกล่าวชื่นชมถึงคุณค่าและความดีของตัวหนังถึงขนาดหลั่งน้ำตาในฉากไคล์แม็กซ์สำคัญ 
          ผลลัพธ์จากการเดินทางนำภาพยนตร์ทั้งเรื่องไปฉายให้ยังนักศึกษาประชาชนผู้คนทั่วไปตลอด1ปีเต็มโดยตัวผู้กำกับและนักแสดงเองกำลังจะส่งผล และสะท้อนถึงคุณค่าของตัวงานอย่างเต็มที่  "นาคปรก" เปรียบได้กับ "กระจกเงาสัจธรรม" ที่จะพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสถึงด้านมืด และส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจของมนุษย์แต่ละคนว่าแท้จริงแล้วยากแท้หยั่งถึงจริงหรือ  เมื่อกิเลส และศรัทธาคือบทสะท้อนความดีที่มีอยู่ในตัวตนและความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม ผลงานการกำกับของ ภวัต พนังคศิริ (อรหันต์ซัมเมอร์) ครั้งเดียวในชีวิตในการทุ่มเทจิตวิญาณทางการแสดงแบบไว้ลายฝีมือของ 4 นักแสดงอย่าง สมชาย เข็มกลัด, เร แม็คโดแนลด์, เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ (ไอ้ฟัก), ทราย เจริญปุระ ที่โปรดิวเซอร์อย่างปรัชญา ปิ่นแก้วยืนยันว่านี่คือ "การดวลกันทางด้านการแสดงในแบบที่ชาตินี้เราจะได้เห็นแค่ครั้งเดียว" นอกจากจะเป็นการทุ่มเทบทบาทที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขาและเธอแล้ว สิ่งที่ 2 นักแสดงระดับลายครามของไทยอย่าง "สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์" และ "รัชนู บุญชูดวง" ถ่ายทอดในหนังสะท้อนถึงความเป็น "รุ่นครู" ที่นักแสดงทุกคนต้องยกนิ้ว